
ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้วเกือบ 10 ปีก่อนหน้านี้ โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มีการวางแผนการออมมาตั้งแต่ช่วงที่ยังอยู่ในวัยทำงาน ในขณะที่ระบบ บำนาญของประเทศเองยังมีความเหลื่อมล้ำและแยกกันอยู่ กล่าวคือ
ภาครัฐ => มี กบข. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีกองทุนสงเคราะห์ครู หรือประกันสังคมส่งเสริมการเก็บเงินสมทบลูกจ้างนายจ้าง
คุณสมบัติพื้นฐาน
หน้าที่และความรับผิดชอบ
คุณสมบัติ
สวัสดิการ
ภาคเอกชน => มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ภาคประชาชน => ต่างคนต่างออม ใครไม่มีหนี้ก็ออมเอง แต่ส่วนใหญ่ยังขาดการตระหนักรู้ถึง ความจำเป็นของการออมเพื่อการเกษียณของตนเอง
ซึ่งระบบบำนาญทั้ง 3 มิตินั้นก็แยกการควบคุมจัดการไปแต่ละส่วน ขาดการบริหารและมองภาพรวม และต่อมาเมื่อพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติมีผลบังคับใช้เมื่อปี พ.ศ. 2554 การปฏิบัติตามกฎหมายก็ถูกละเลยและ ‘ชะลอ’ การดำเนินงานไว้ ประชาชนกว่า 25 ล้านคนซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของผู้มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนไม่สามารถใช้สิทธิของตนตามกฎหมาย จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ. 2557 ที่รัฐบาลได้ผลักดันให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายจนกองทุนการออมแห่งชาติสามารถเปิดรับสมัครสมาชิกได้ ในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558
กล่าวได้ว่า เป็นครั้งแรกที่ระบบบำนาญของประเทศไทยมีกรอบการดำเนินงานครบถ้วนรองรับประชาชนทุกภาคส่วน สามารถลดความเหลื่อมล้ำของสังคมในมิติด้านการออมเพื่อการเกษียณได้ หากมีการออมต่อเนื่องยาวนาน ก็จะสามารถมีความมั่นใจได้ว่าประชาชนของประเทศจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในวัยชรา
ตำแหน่งงานอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)15/01/2020
งานประจำ
7 - 12 ปี
กทม. (พญาไท)
ปริญญาโทหรือสูงกว่า
สามารถเจรจาต่อรองได้
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ หรือสาขาบริหารรัฐกิจ รัฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับบริหารทรัพยากรบุคคล
- ประสบการณ์การทำงานด้านทรัพยากรบุคคลไม่น้อยกว่า 7 ปี
- หากมีประสบการณ์การทำงานด้านทรัพยากรบุคคล ในองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานของรัฐ จะพิจารณาเป็นพิเศษ
- ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน
- ประกันสุขภาพ
- สิทธิเบิกค่าทันตกรรม
- โบนัสตามผลงาน/ผลประกอบการ